Archive for 2013

ปุ๋ยออสโมโคส กับไม้น้ำ

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556 · Posted in ,

อันนี้ผมเพิ่งรู้เลยครับคือผมปลูกบัวไว้แล้วมันไม่งามก็เลยไปหาซื้อปุ๋ยบัวมาใส่ เห็นมันถูกดี 15 บาท มีตั้งหลายลูกและลูกนึงก็ใหญ่มาก ตอนแรกผมนึกว่ามันเป็นปุ๋ยปั้นเป็นก้อน แต่พอแกะออกมาจากซองมาดูชัดๆ มันคือดินเหนี่ยวปั้นแล้วก็เอาออสโมโคสแปะๆเอาไว้แค่นั้นเอง

ตอนอยู่ในถุงนึกว่าปุ๋ยปั้นก้อนใหญ่

เอาออกมาดูอ๋อดินปั้นแปะออสโมโคส

และหลังจากให้ปุ๋ยนี้กับบัวแล้วก็พูดง่ายๆว่าให้ออสโมโคสนั่นแหละนะ ปรากฎว่าบัวงามดีมาก แตกกอแตกใบใหม่ หลังจากปผ่านไปซัก 2-3 อาทิตย์ ก็รู้เลยว่าได้ผลและงามดี และที่สำคัญปลาหางนกยูงในอ่างบัวไม่ตายด้วย

หลังจากนี้ผมก็คงหยอดออสโมโคสลงไปในบ่อบัวเป็นประจำแค่นี้ก็งามสะพรั่งชัวร์

ผมจึงได้รู้ว่าออสโมโคสที่ละลายน้ำได้ช้านั้นมันดีอย่างนี้นี่เอง เป็นปุ๋ยให้ไม้น้ำก็ได้ ว่างๆเดี๋ยวจะลองเอาออสโมโคสเลี้ยงไม้ปลาตู้บ้าง เพราะเลี้ยงไม้น้ำปลาตู้ทีไร ต้นไม้ไม่งามและตายทุกที แต่ว่าครีั้งนี้จะให้ออสโมโคสเป็นปุ๋ย ซึ่งผมคิดว่ามันประหยัดกว่าไปซื้อดินไม้น้ำซื้อปุ๋ยไม้น้ำโดยตรงที่เขาเลี้ยงปลากันอะนะ ประหยัดกว่ากันเยอะ

ไว้ผลการทดลองเป็นยังไงเดี๋ยวจะมาเล่าและเอาภาพมาให้ชมกันต่อไป

ปุ๋ย ออสโมโคส(ปุ๋ยเม็ดละลายช้า)

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 · Posted in ,

ปุ๋ยละลายช้า เป็นปุ๋ยที่บรรจุอยู่ในรูปแบบเม็ด จะค่อยๆ ปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ การใส่ปุ๋ยครั้งเดียว จึงสามารถอยู่ได้นาน

 ปุ๋ย "ออสโมโค้ท" เป็นปุ่ยเม็ดละลายช้าชนิดหนึ่ง ที่เคลือบด้วยสารเรซินธรรมชาติ มีการควบคุมการปลดปล่อยธาตุอาหารอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เมื่อใส่ปุ๋ยออสโมโค้ทในวัสดุปลูกนั่นน้ำจะซึมผ่านเข้าไปละลายธาตุอาหารที่มีอยู่ภายใน และค่อยซึมผ่านออกมา

ปุ๋ยออสโมโค้ทมีทั้งสูตรทั่วไป คือ 13-13-13 และสูตรเร่งดอก คือสูตร 12-25-6 ออสโมโค้ท ช่วยบำรุงต้นให้สมบูรณ์แข็งแรง กระตุ้นการออกดอก เหมาะสำหรับไม้ดอกไม้ประดับทั่วไป







อ่านเพิ่มเติมที่ http://www.panmai.com/Tip/Tip08/Tip08.shtml

ความเห็นผู้ที่เคยใช้ออสโมโคส

ต้นคริสติน่าในกระถาง

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556 · Posted in , ,

คริสติน่านั้นถ้าปลูกลงในดินแล้วคอยใส่ปุ๋ยเป็นระยะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนยังไงก็โตครับอยู่ที่ช้าหรือว่าเร็ว แต่ต้นที่เรายังหาที่ลงไม่ได้แล้วเลี้ยงเอาไว้ในกระถางนี่สิปัญหาครับ

อาการที่เป็นคือใบเล็กลงเหมือนไม่โตเต็มที่ และก็ไม่โตสังเกตได้ง่ายๆทีใบก็ไม่ใหญ่เต็มที่ ลำต้นหรือกิ่ที่แตกใหม่ก็เล็กและอ่อนมากจนต้องใช้ไม้ค้ำยัน ไม่เหมือนกับต้นที่ลงดินครับใบใหญ่เต็มที่ แตกกิ่งก้านเร็ว

ตอนนี้เท่าที่แก้ไขเบี้องต้นไปก็ใส่ปุ๋ยหมักที่ทำเองไป แล้วก็ปุ๋ยเม็ดสูตร 16-16-16 เคยถามร้านต้นไม้เขาบอกให้ใส่ ออสโมโคสไปด้วย แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้ใช้ออสโมโคสครับ ว่าจะลองให้รู้ก่อน ถ้าไม่ดีขึ้นก็ว่าจะเอาออสโมโคทมาเสริมอีกตัว

แน่นอนว่าการเลี้ยงต้นไม้ก็เหมือนการเลี้ยงสิ่งมีวิต ต้องการน้ำต้องการอาหาร อากาศ แสงแดด อยู่ที่ว่าเราให้อะไรไม่พอหรือมากไป และถ้าหาสิ่งที่ขาดไปหรือมากไปนั้นได้ เราก็จะเข้าใจและเลี้ยงต้นไม้ได้สวยงามแน่นอน

ต้นคริสติน่า - การเติบโต

วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556 · Posted in ,

ครับพูดถึงคริสติน่าแล้วข้อดีของต้นไม้ชนิดนี้มีเยอะมากไม่ว่าจะสวยงาม ใช้เป็นไม้ได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นไม้รั้ว ไม้เด่น ไม้เอก ได้หมดเลยแล้วแต่การตัดแต่งและการวางตำแหน่ง หรือจะทำเป็นทุ่งคริสติน่าต้นเตี้ยๆแทนทุ่งดอกไม้ก็ยังได้ วันนี้เรามาคุยถึงเรื่องการเติบโตของมันกัน



คริสติน่านั้นผมเชื่อนะครับว่ามันน่าจะเป็นต้นไม้ที่โตเร็ว ถ้าหากว่ารากมันแข็งแรงแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าเป็นต้นที่เพิ่งจะลงดินใหม่ๆนะครับ เมื่อก่อนผมเชื่อแบบนี้

ผมมีคริสติน่าต้นใหญ่สูงสัก 2 เมตรกว่าอยู่ต้นนึงปลูกมาได้เป็นปีแล้วน่าจะเข้าปีที่สอง ซึ่งแน่นอนผมใส่ปุ๋ยพรวนดินดูแลอย่างดี แต่การเติบโตก็ไม่ได้เร็วอย่างที่คิดนะครับ มันก็เติบโตอย่างช้าๆ ประมาณ เดือนละ 5-10 เซนเป็นอย่างมาก

ผมตั้งใจจะเอาคริสติน่าเป็นไม้บังแนวรั้วหน้าบ้าน เพื่อต้องการความเป็นส่วนตัวเวลาเปิดกระจกหน้าบ้านชั้นล่างออกมาดูสวนได้เป็นจุดพักสายตา เชื่อมั้ยผมซื้อต้นเล็กมาปลูกต้นละ 10-20 บาท ไม่แน่ใจประมาณ 10-15 ต้น ปลูกเรียงกันเป็นแถว ความสูงของต้นที่เริ่มลงดินคือ 30 เซนติเมตร

เวลาผ่านไปประมาณสักสองเดือน ความสูงไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ได้แต่เริ่มแตกใบสีแดงใหม่ๆให้เห็น ไล่สีไปเป็นส้ม เหลืองแล้วก็เป็นเขียวแก่ เป็นแบบนี้วนไปวนมาเรื่อยๆ ซึ่งผมเองก็เข้าใจดีว่ารากคงยังไม่แข็งแรงเลยโตช้า

ตอนนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันแล้วว่าผมคิดผิดหรือป่าวที่เอาต้นที่สูงแค่ 30 เซนลง เพราะว่าผมต้องการความสูงที่ 2.20 เมตร แล้วไปนึกเอาเองว่ามันจะสูงเร็วเหมือนกับชาดัด ซึ่งตอนนี้รู้สึกว่ามันจะไม่เป็นอย่างนั้นซะแล้ว แต่ยังไงลงไปแล้วตอนนี้คงต้องรอดูต่อไปว่ามันจะชลูดเมื่อไหร่

อัปเดทล่าสุด สรุปได้แล้วครับว่าต้นคริสติน่าโตเร็วครับ ต่อเมื่อรากลงดินเเข็งแรงแล้วเท่านั้นนะครับ ของผม 3 เดือนครับกว่ารากจะลงดินแข็งแรง และหลังจากนี้ จะสูงได้ประมาณ 30 เซนติเมตรต่อเดือนครับ ให้ปุ๋ยให้น้ำดีดี เรียกว่าตัดแต่งเพลินแน่นอนครับ

ถ้าใครศึกษาการปลูกการดูแลที่ทำให้มันเจริญเติบโตที่รากก่อนได้ก็ยิ่งจะทำให้ต้นคริสติน่าโตเร็วมากขึ้นครับคุณอาจจะทำได้เร็วกว่าผมก็ได้ครับ

ที่สำคัญเน้นว่าตัดแต่งทรงพุ่มบ่อยๆ กรรไกรตัดคมๆ จะทำให้พุ่มกิ่งก้านของต้นแน่นสวยดีที่สุดครับ

การทำปุ๋ยหมักจากเศษหญ้า

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 · Posted in ,

เพื่อนๆสังเกตมั้ยครับว่าเวลาเราตัดหญ้าในสวนของเราทีนึงเรียกว่าต้องทิ้งใบหญ้าเหล่านั้นไปเป็นถุงๆใหญ่ๆเลย รู้สึกว่ามันน่าเสียดายมากๆ ผมเคยคิดว่าจะเอามันวางโคนต้นไม้ดีหรือไม่แต่ต่อมาก็รู้ว่าเอามาทำปุ๋ยหมักเองก่อนดีกว่า

EM ที่ขายตามท้องตลาด


อุปกรณ์ก็มีดังนี้ครับ
- เศษหญ้า,เศษใบไม้
- น้ำหมักจุลินทรีย์หรือ EM
- ปุ๋ยคอก, ขี้วัว,
- ดิน

สำหรับวิธีทำก็ไม่ต้องไปซีเรียสมากครับแต่ถ้าจะให้ดีก็ใช้สัดส่วนตามนี้นะครับคือ เศษหญ้า 3 ส่วน ปุ๋ยคอก 1 ส่วน ดิน 1 ส่วน แต่ผมเองไม่เคยทำตามส่วนหรอกครับ บางทีไม่มีขี้วัวก็ไม่ได้ใส่เลย เน้นเศษใบไม้เศษหญ้าอย่างเดียวเลย

เอาเป็นว่าผสมคลุกเคล้ากันให้ทั่วๆนะครับจากนั้นก็เอา EM ผสมน้ำซักฝานึงหรือตามความเยอะของกองปุ๋ยที่ทำนะครับ ผสมน้ำแล้วเอาน้ำตาลทรายใส่ลงไปช้อนสองช้อน คนๆในละลาย จากนั้นละมือไปเอาน้ำฉีดกองปุ๋ยที่เราคลุกเคล้าเอาไว้เมื่อกี้นี้ให้เปียกให้ชุ่มเลย ถ้ามีคนช่วยฉีดก็ดี จะได้คลุกเคล้าไปฉีดน้ำไป จะเปียกทั่วกองดีและเร็วกว่าครับ

เสร็จแล้วเอาน้ำ EM ที่เราผสมเตรียมไว้เมื่อกี้นี้มาราดลงบนกองปุ๋ยให้ทั่วๆครับ เทที่ละนิดช้าๆให้มันซึมลงไปในกองปุ๋ยทั่วๆครับ

หลังจากนั้นหาถุงปุ๋ยหรือผ้ายางมาคลุมปิดให้มิดครับ ให้กองปุ๋ยนั้นเปียกชื้นตลอดอย่าให้แห้งเด็ดขาด จะทำหลังคาสังกะสีหรืออะไรบังแดดด้านบนอีกทีก็ดีครับ แต่สำคัญผ้ายางหรือวัสดุที่ปิดกองปุ๋ยต้องปิดให้มิดครับเป็นอันเสร็จ

ระหว่างนั้นเราก็คลุกเคล้าปุ๋ยอาทิตย์ละครั้ง ถ้าเริ่มแห้งก็รดน้ำให้ชุ่ม ถ้าแห้งมากก็เติม EM เข้าไปในกองเพิ่มครับ แต่ถ้ากองปุ๋ยเราชุ่มไม่แห้งก็ไม่ต้องเติมก็ได้ครับ

พยามคลุกเคล้าให้สม่ำเสมออาทิตย์ละครั้งประมาณสองเดือนเราก็จะได้ปุ๋ยหมักไว้ใช้แล้วครับ

ลักษณะปุ๋ยที่ใช้ได้แล้ว


ดูยังไงว่าใช้ได้แล้ว?
คำตอบคือ ทุกอย่างจะเปลี่ยนเป็นสีดำหรือสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกลายสภาพเป็นดินเลยครับ ถ้ากองปุ๋ยมีสีเข้ม และไม่เห็นเป็นใบไม้หรือว่าใบหญ็าแล้วและเป็นสีดำๆร่วนเหมือนดินนั่นแหละครับใช้ได้แล้ว

รั้วบ้าน สวนส่วนตัว

วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 · Posted in , , ,

เคยรู้สึกไหมครับว่า บ้านตามโครงการต่างๆสมัยนี้ ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องความเป็นส่วนตัวในสวนเท่าไหร่ บางทีไม่ให้พื้นที่สวนเลยก็มี เรียกว่ามีแค่ที่จอดรถแล้วก็เดินเข้ากล่องเลย...

บางโครงการถนนซอยเล็กจนหน้าบ้านแทบจะเห็นเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเลยทีเดียว บางครั้งบางเวลาคนที่อยู่ในบ้านก็ต้องการมองออกมาหน้าบ้านข้างบ้านที่เป็นสวน ต้นไม้ เพื่อเป็นการเชื่อมต่อห้องบ้านกับสวน เพื่อพักผ่อนได้ตลอดทั้งวัน แต่ว่าตอนนี้ทำไม่ได้เพราะว่าเปิดไปก็เห็นบ้านตรงข้าม หรือข้างบ้านทำให้ความเป็นส่วนตัวไม่มีเลย ทางแก้มีทางเดียวนั่นคือทำรั้ว...

รั้วที่ทึบอาจจะมองว่ามันอึดอัดไม่โปร่ง แต่ข้อดีของมันก็ตรงตัวเลยคือบังสายตาจากผู้คนภายนอกร้อยเปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าความเป็นส่วนตัวกลับคืนมาหาคุณแน่นอน ซึ่งถ้าอยากเป็นส่วนตัวคุณก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า ลมอาจผ่านได้ยากขึ้น แสงตรงรั้วทึบนั้นอาจจะน้อยสำหรับต้นไม้บางชนิด ซึ่งก็ต้องปรับต้นไม้ตาม ลองดูรั้วเหล่านี้ดู

แบบแรกนี้เห็นกันบ่อยอยู่แล้วเป็นรั้วประตูระแนงซึ่งก็ดูสวยเรียบร้อยดี แต่ผมว่ามันดูน่าเบื่อถ้าหากว่าเราทำแบบนี้ทั้งแผงยาวๆตลอดรั้วของเรา


แบบนี้เป็นแบบที่ผมแนะนำครับ
อันแรกจะเป็นลักษณะของรั้วบ้านเดิมที่ต่ำเหมือนรั้วตามโครงการทั่วไปที่จะต่ำกว่าหัวคน ซึ่งอันนี้เขาใช้ต้นไม้เพิ่มความสูงให้รั้ว ส่วนรั้วเดิมก็ใช้ไม้ระแนงพรางสายตา จะเห็นว่าการเลือกใช้สีขาวจะพรางตาได้ดีกว่าสีดำเพราะสะท้อนแสงได้ดีกว่าแต่ว่าก็ไม่กลืนเข้ากับธรรมชาติสีเขียวของต้นไม้เท่าสีดำที่จะกลืนไปกับต้นไม้มากกว่า แต่แน่นอนการพรางก็น้อยกว่าสีขาว

แบบนี้เป็นอีกแบบที่น่าสนใจเพราะเลือกที่จะบังร้อยเปอร์เซ็นต์ในจุดที่ต้องการความเป็นส่วนตัวครับ จะเป็นได้ชัดเลยว่าห้องนั่งเล่นที่อยู่ชั้นล่างนั้นสามารถมองออกมาหน้าบ้านได้สบายๆไม่ต้องไปกระทบกระเทือนบ้านตรงข้ามหรือผู้ผ่านไปมาครับ อีกอย่างรั้วแบบนี้ดูเรียบๆจริงแต่ว่าดูไม่น่าเบื่อเพราะเขาได้ให้ความแตกต่างเอาไว้ระหว่างส่วนทึบกับส่วนโปร่ง และการใช้สีที่ดูหรูครับ น่าสนใจมากแบบนี้


แต่ละแบบแน่นอนว่าต้องใช้เงินกันอีกแล้วที่จะทำให้ได้ตามนั้น บางแบบต้องใช้เวลาเลี้ยงต้นไม้จนโตเป็นพุ่มที่ต้องการ แต่แน่นอนว่าคุณค่าของแต่ละแบบก็จะต่างกันออกไป ก็อยู่ที่เราจะเลือกแล้วครับว่าเราจะทำแบบไหนที่เป็นส่วนตัวและประหยัดตังเราเอง

เชื่อเถอะครับสำหรับคนชอบปลูกต้นไม้ ทำแล้วต่อไปจะเดินจะนั่งจะมองก็สบายใจ สายตาจะได้ไม่เลยไปบ้านที่อยู่ติดกัน เหมือนผมตอนนี้รู้สึกจะทำสวนก็เกรงใจข้างบ้านครับเพราะว่ามันมองเห็นกันหมดเลย ตอนนี้กำลังเลี้ยงต้นไม้เป็นรั้วบังส่วนห้องนั่งเล่นอยู่แล้วไงจะอัพเดทให้ดูกันครับ

ไข่กบธรรมชาติในสวน

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 · Posted in ,

จากบ่อปลาคาร์ฟที่หรูหราพอย้ายปลาคาร์ฟว่าจะเอาปลาใหม่มาลง กลับมาดูบ่ออีกทีก็เห็นไข่กบซะแล้ว แนนอนว่าที่นี่จะคึกคักไปด้วยกบร่วมพันตัวที่จะเกิดใหม่ เพราะว่าผมจะไม่เอามันไปทิ้งแต่จะให้มันเป็นตัวแล้วอยู่ในสวนผมนี่แหละไปดูกันว่ามันเยอะแค่ไหน


ไข่กบตรงริมบ่อปลาคาร์ฟ เหมือนสร้อยคอสีดำ
ผมไม่มีความรู้เรื่องการเลี้ยงกบอะไรหรอกครับและก็ไม่ได้คิดที่จะให้บ่อปลาคาร์ฟของผมกลายเป็นบ่อกบแน่นอนแต่ว่าเห็นแม่กบมันมาวางไข่ แล้วก็สงสารมัน มันอุตส่าห์เห็นว่าที่นี่ปลอดภัยและขออาศัยออกไข่ผมก็เลยคิดว่าจะให้ลูกมันเป็นตัวแล้วก็ออกไปจากบ่อเอง จากนั้นค่อยเอาปลาคาร์ฟมาลงเหมือนเดิม ตอนนี้ก็ปิดปั้มเพื่อไม่ให้ไข่หรือว่าลูกอ้อดโดนดูดเข้าไปในช่องกรอง

เท่าที่ดูจากสายตาผมว่าจำนวนน่าจะ 1000 ตัวได้ เพราะมันกระจายตัวกันอยู่ทั่วบ่อ อย่างค่อนข้างหนาแน่นตอนนี้ล่าสุดก็วันที่สามแล้วเป็นแบบนี้อยู่ ขายังไม่งอก




ไว้จะอัพเดทกันเรียกว่าวันต่อวันเลยครับ คอยดูกันว่าสุดท้ายแล้วลูกกบนับพันจะโดดออกจากบ่อได้กี่ตัวกัน

บันทึกลำดับ
วันที่ 1 แม่กบวางไข่
วันที่ 2 ไข่เริ่มเป็นวงรีและขยับ
วันที่ 3 เป็นลูกอ๊อดไม่มีขา
วันที่ 4 เป็นลูกอ๊อดไม่มีขา
วันที่ 5 เป็นลูกอ๊อดไม่มีขา
วันที่ 6-7 เป็นลูกอ๊อดไม่มีขา ช้ามาก
วันที่ 11 เป็นลูกอ๊อดไม่มีขา
ตอนนี้น่าจะเข้าสองอาทิตย์แล้วครับ ยังเหมือนเดิม

รั้วบ้านกับสวนสวย

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 · Posted in , ,

เชื่อหรือไม่ว่าสวนของเรานั้นมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำให้สวนนั้นมีความน่าสนใจแตกต่างกันไปรั้วบ้านกับสวนก็มีความเกื้อหนุนกันต่างส่งเสริมให้กันและกันสวยได้อย่างไม่น่าเชื่อโดยเฉพาะคนที่มีพื้นที่สวนไม่มากนักรั้วบ้านนั้นถือได้ว่าเป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้

สวนที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดนั้น แน่นอนว่าพื้นที่ทุกตารางนิ้วถือได้ว่าสำคัญทั้งหมด ซึ่งมักจะเป็นกับบ้านตามโครงการต่างๆที่มีพื้นที่สวนให้เล็กน้อย เช่น สวนหน้าบ้านขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 4 เมตรหรือกว้าง 2 เมตรยาว 3 เมตรสวนที่มีขนาดดังกล่าวจำเป็นต้องใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วให้เกิดประโยชน์ซึ่งแน่นอนแนวรั้วก็จำเป็นต้องเป็นแบรคกราวน์ของสวนไปในทันที

แน่นอนว่าแบรคกราวด์ของสวนนั้นมีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น หิน ต้นไม้สูง รั้วระแนง เป็นต้น พูดแล้วอาจจะยังนึกภาพไม่ออกลองไปดูตัวอย่างกัน

ใช้ระแนงต่างๆในการเพิ่มความน่าสนใจของสวน

พื้นที่แคบก็ใช้ระแนงสีขาวทำแบรคกราวด์เพิ่มความเป็นส่วนตัว

รั้วเล็กๆก็ทำให้สวนมีจุดเด่นมากขึ้น

รั้วต้นไม้ก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการทำแบรคกราวด์

พื้นที่แคบข้างบ้าน รั้วต้นไม้อย่างเดียวก็เพียงพอ
จงจำไว้ว่าสวนที่มีพื้นที่เล็กก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน คือการดูแลง่าย การจัดให้สวนเด่นให้สวนสวยก็ง่าย เพราะใช้ต้นไม้และอุปกรณ์น้อย เมื่อจะปรับเปลี่ยนรูปแบบสวนก็ทำได้ง่ายประหยัดเงินในกระเป๋าด้วย หากเรารู้จักจัดสวนโดยการเอาสิ่งที่เราคิดว่าเราชอบมาจัดเท่านั้นเราก็จะสุขใจกับสวนสวยน้อยๆของเราได้อย่างไม่รู้เบื่อ

สวนเล็กๆบางสวนมีความน่าสนใจกว่าสวนที่มีขนาดใหญ่กว่าด้วยซ้ำ เพราะสวนเล็กนั้นผู้จัดสามารถทำให้พื้นที่ทุกตารางนิ้วนั้นสวยได้ ต่างจากสวนใหญ่ๆที่ต้องการองค์ประกอบเยอะกว่าและการดูแลก็ทำได้ยากกว่า

ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละท่านว่าจะเลือกสวนในลักษณะแบบไหน แต่สุดท้ายยังไงก็ขอให้เราสุขใจกับสวนที่เป็นสวนส่วนตัวของเราแค่นั้นก็เป็นพอ...

บ่อปลาคาร์ฟ ระบบกรองทำงาน น้ำใสแล้ว

วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 · Posted in ,

เรียกว่าสิ้นสุดการรอคอยแล้วครับ หลังจากผมเพิ่งอัพเดทไปไม่กี่วันว่า น้ำเริ่มเขียวน้อยลง และตะกอนก็น้อยลงด้วย ผ่านมาสองสามวันเท่านั้นน้ำใสปิ๊งแล้วครับ พอน้ำใสเห็นปลาเห็นริ้วน้ำแล้วมันรู้สึกสดชื่นมาก รู้สึกว่าหมดห่วงแล้วบ่อเรา คราวนี้ก็ได้ไปดูปลาสวยๆมาลงได้สักที ส่วนระบบกรองมีอะไรทำอย่างไรนั้นไปอ่านได้ในหน้าสรุประบบกรองนะครับผม บอกไว้หมดแล้ว ขอบอกว่าไม่มีอะไรซับซ้อนและไม่แพงด้วย ง่ายมาก



ตอนนี้น้ำในบ่อใสแล้ว ปลาที่อยู่ในบ่อก็ดูสดชื่นคึกคัก ผมเข้าใจเลยครับว่าคนที่เลี้ยงปลาคาร์ฟ ตอนที่ทำระบบกรองให้น้ำใสแล้วทำได้นั้นมันรู้สึกดีใจจริงๆและก็โล่งใจไปพร้อมๆกันด้วย และการที่น้ำใสไม่เขียวแล้วก็ทำให้ไม่ต้องล้างช่องกรองแรกบ่อยเหมือนตอนที่น้ำเขียว ถ้าหากใครขยันก็ล้างทุกวันก็ไม่ผิดครับเพราะช่องแรกเป็นช่องดักตะกอนจะสกปรกที่สุดไม่เกี่ยวกับช่องที่เราเลี้ยงจุลินทรีย์อยู่ สำหรับผมแล้ว จะล้างบ่อดักตะกอนอาทิตย์ละครั้ง ส่วนใยกรองในช่องที่สามน้ำดูตามความสกปรกครับถ้าหากเริ่มเต็มก็ล้างเลย

จริงๆแล้วระบบกรองในปัจจุบันมีคนออกไอเดียที่ฉลาดมากๆครับ คือช่องแรกเขาจะเอาน้ำไหลผ่านตระแกรงที่ละเอียดมาก ตะกอนหรือขี้ปลาก็จะติดที่ตะแกรง แล้วน้ำที่ไหลรดตระแกรงเรื่อยๆนั้นก็จะล้างตะกอนเหล่านั้นลงมาที่รางน้ำที่ทำรองเอาไว้ แล้วก็ไหลเข้าไปในภาชนะที่หยิบไปทิ้งได้ง่าย ทำให้ลดภาระการล้างกรองช่องแรกไปเลยก็ว่าได้ เล่ามาอาจจะไม่เห็นภาพ ลองไปดูกันก่อนเลยครับ


จากคลิป ระบบที่เราเห็นจะเน้นการกรองตะกอนหยาบที่มาจากบ่อปลานะครับ โดยเป็นการกรองแล้วก็ล้าง แล้วก็แยกไว้ในกล่อง แล้วเราก็หยิบไปทิ้ง

ระบบจะล้างตัวเองโดยน้ำที่ไหลลงมาที่ตะแกรงนั่นแหละครับ น้ำส่วนใหญ่ไหลผ่านไปด้านล่าง น้ำส่วนนึงจะไหลตามตระแกรงไปที่รางแล้วก็พาตะกอนต่างๆไปด้วย จากนั้นตะกอนก็ไหลไปตามรางไปรวมในกล่องดักตะกอนอีกทีหนึ่ง น้ำที่ผ่านที่ดักตะกอนก็กลับเข้าระบบต่อไป

จะเห็นว่าระบบนี้ออกซิเจนมากมายเหลือเกิน เชื่อเลยว่าน้ำที่ออกจากถังสีขาวถังแรกมาที่ถังที่สอง ถ้าเป็นผม ผมจะเอาถังที่สองเป็นที่อยู่แบคทีเรีย จบเลยครับ ผมเชื่อว่าระบบนี้เอาอยู่แน่ เพราะว่าช่องกรองแรกมันสะอาดตลอดเวลา กรองไปล้างไป เรามีหน้าที่แค่เอาตะกอนที่มันแยกไว้ไปทิ้งเท่านั้นเอง

เอาไว้มีโอกาสมีจังหวะจะทำให้ดูกันครับ

อัพเดท สภาพน้ำผ่านมา 1 อาทิตย์

วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556 · Posted in ,

จากตอนที่แล้วที่ผมได้ปรับปรุงระบบไปหลายอย่างลองหาอ่านกันดูนะครับว่าผมได้ทำอะไรบ้าง ดีใจมากครับหลังจากทำบ่อปลาเสร็จมาหลายเดือน น้ำก็เขียวมาตลอด ทดลอง ปรับ เปลี่ยน เพิ่ม นั่นนี่เรียกว่าสนุกครับ วันนี้เป็นอย่างไรไปดูกันครับ


ถ้าเทียบกับอาทิตย์ที่แล้วจะเห็นได้ชัดเลยนะครับว่า ความเขียวของน้ำลดลงไปมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ จะสังเกตเห็นสะดือบ่อได้แล้ว และมองเห็นปลาซะที เรียกว่าไม่เห็นสะดือบ่อมาหลายเดือนมาก ตะกอนในน้ำก็น้อยมาก จนตอนนี้สามารถมองเห็นตัวปลาได้อย่างชัดเจน คือถ้าหากพูดว่าสภาพน้ำใสปิ๊งนั้นคือ 100 เปอร์เซ็นต์ สภาพน้ำของบ่อตอนนี้ก็อยู่ที่ 75 เปอร์เซ็นต์แล้วหละครับ

จากเดิมที่ผมต้องล้างบ่อดักตะกอนในช่องแรกบ่อยมากเรียกว่าตอนที่น้ำเขียวนั้นเวลาล้างบ่อดักตะกอนจะมี เศษตระไคร่น้ำติดอยู่เยอะมาก แต่ว่าหลายวันที่ผ่านมาแทบจะไม่มีเศษตระไคร่สีเขียวในบ่อดักตะกอนแล้วครับ แต่ผมก็ไม่ได้ปล่อยให้มันทำงานเองเฉยๆนะครับ ระหว่างนั้นผมได้คอยถ่ายน้ำออกประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์เพื่อค่อยๆลดความเขียวลงจนล่าสุด ผมไม่อยู่บ้านสองวัน

บ่อที่เขียวๆก็ใสขึ้นอย่างที่เห็นครับ เรียกว่าแปลกใจเหมือนกัน เวลาจะใสก็ใสเร็วมาก ตอนที่เขียวไม่ว่าจะถ่ายน้ำมากน้อยยังไงพอโดนแดดก็เขียวเร็วมากเหมือนกัน ตอนนี้ก็กำลังจดบันทึกและทบทวนครับว่าได้เพิ่มได้ปรับเปลี่ยนอะไรไปบ้าง และที่สำคัญหากว่าน้ำใสร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วจะจัดการกับระบบต่างๆที่ทำไว้ชั่วคราวให้เรียบร้อยสวยงามได้อย่างไร แต่ว่าตอนนี้น้ำใสขึ้นเรื่อยๆได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับบ่อปลาคาร์ฟบ่อนี้ที่เคยเขียวมาตลอดหลายเดือนแล้วครับ

แล้วติดตามกันต่อครับว่าสุดท้ายแล้วบ่อนี้จะใสปิ๊งร้อยเปอร์เซ็นต์ได้หรือไม่และใช้อะไรบ้างคอยดูกันครับ


ถังกรองบ่อปลาคาร์ฟ

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 · Posted in ,

ถังกรองบ่อปลาคาร์ฟอันนี้ผมทำเพิ่มขึ้นมาเพื่อช่วยบ่อกรองหลักอีกทีหนึ่งครับ ซื้อถังมา 99 บาทลดราคาพอดีจาก 199 บาท ผมเจาะรูด้านบนที่เดียวเพราะจะกรองจากล่างขึ้นบนโดยเอาน้ำปล่อยลงก้นถังโดยท่อพีวีซีแล้วต่อสามทางแยกไว้ก้นถังวัสดุกรองก็เอาง่ายๆเลยครับหินใส่ตู้ปลาอย่างใหญ่อยู่ล่างขึ้นมาก็เป็นอย่างเล็กและบนสุดปิดด้วยสก๊อตไบร์ท เพื่อดักละเอียดสุดท้ายตามนี้ครับ

ไล่จากล่างขึ้นบน
1.หินใหญ่
2.หินเล็ก
3.สก๊อตไบร์ท

ปล.หินผมเอามุ้งมาตัดแล้วห่อเอาไว้เป็นชุดๆหลวมๆนะครับเวลาล้างได้สะดวก


รูปนี้ตอนใช้ใหม่ๆครับน้ำจะขุ่นหน่อย แต่ยังไงซะน้ำในถังกรองจะใสขึ้นเรื่อยๆตามน้ำในบ่อเลี้ยงครับ ไม่ใช่ว่าน้ำในถังกรองจะใสเเจ๋วในบ่อจะเขียวมันเป็นไปไม่ได้ครับ มันจะค่อยๆปรับสภาพตามกันไปเองไม่ต้องใจร้อน ทดลองไปเรื่อยๆเดี๋ยวเจอจุดพอดีเองครับ แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่เจอเหมือนกัน กำลังรอดูอยู่ว่าจะเจอจุดนั้นตรงไหน


หลายคนบอกว่าต้่องทำอย่างนั้นอย่างนี้ต้องใช้วัสดุเคเคทู บวกมูพวิ่งเบดอะไรต่างๆนานา ผมว่ามันยังไงก็ไม่รู้ ผมชอบในแนวทางตัวเองมากกว่าทดลองไปเรื่อยๆ ขอเเค่เราเข้าใจหลักการของการกรองชีวภาพแล้วก็ค่อยๆปรับค่อยๆเปลี่ยนประยุกต์ไปเรื่อยๆ ประหยัดตังส์แล้วใช้ได้เหมือนกันมันจะสะใจกว่าครับ หรือบางครั้งแพงกว่าแต่ด้วยมือเราที่ทำที่คิดเองนั่นคือสิ่งที่สนุกในการเล่นหรือว่าเลี้ยงน้ำในบ่อเลี้ยงปลาของเราครับ

แล้วเดี๋ยวอาทิตย์นึงมาดูครับว่าจะดีขึ้นหรือไม่

บ่อปลาคาร์ฟน้ำเขียว การแก้ไข 2

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 · Posted in ,

หลังจากเพิ่มสแลนบังแดดสีเขียว 50% สองชั้นแล้วปรับปรุงระบบกรองเล็กน้อย เวลาผ่านมา 1 อาทิตย์ น้ำยังไม่ใสแจ๋ว แต่ว่าที่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนคือ ตระไคร่ที่หลุดลอยและทำให้ช่องกรองแรกเริ่มตันเร็วนั้น น้อยลงไป 90% แล้ว




ที่มีการปรับปรุงช่องกรองคือ ช่องที่สามที่เดิมเป็นสก๊อตไบรแล้วข้างล่างรองด้วยไบโอบอล แต่รู้สึกว่าไบโอบอลถ้าไปไว้ในช่องที่สี่ทำเป็นกรองชีวภาพให้แบคทีเรียอยู่จะดีกว่า ก็เลยย้ายไบโอบอลไปไว้ช่องที่4 แล้วเอากระถางพลาสติกสีดำที่มีรูก้นกระถางเยอะๆมาผูกต่อกันสามอัน ทำสองชุดหรือตามขนาดของช่องกรองของแต่ละท่านแล้วก็เอาตาข่ายพลาสติกตัดให้เท่ากับช่องกรองวางไว้บนกระถางก็รองแผ่นสก๊อตไบรแทนไบโอบอลได้พอดี

และสำคัญที่เปลี่ยนอีกอย่างคือให้น้ำไหลผ่านกรองช้าๆ โดยการแบ่งน้ำที่จะเข้าบ่อมาพ่นลงช่องที่ 4 ทำออกซิเจนให้แบคทีเรียที่เราจะเลี้ยงไปในตัวโดยไม่ต้องเพิ่มปั๊มออกซิเจนด้วย ระหว่างน้ำล้นช่องที่ 4 ไปช่องที่ 5 ก็เอาตาข่ายพลาสติกมากั้นไบโอบอลเอาไว้ไม่ให้ลอยไปเข้าช่องที่ 5 ที่มีปั๊มอยู่

คุณภาพน้ำนั้นถือว่าเลี้ยงปลาได้ และน้ำใสขึ้น 10% ตอนนี้รอเวลาไปเรื่อยๆสังเกตน้ำไปเรื่อยๆครับ แน่นอนว่าน้ำค่อยๆดีขึ้นแล้วพบกันอีกครั้งครับว่าผลจะเป็นอย่างไรต่อไป


บ่อปลาคาร์ฟน้ำเขียว วิธีแก้

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 · Posted in

การเลี้ยงปลาคาร์ฟนั้นจริงๆแล้วต้องบอกว่าไม่ได้ยากเย็นอะไร ปัญหาก็ไม่ได้เยอะแยะหรอกครับ ถ้าหากว่าบ่อเลี้ยงนั้นผู้เลี้ยงควบคุมดูแลเรื่องความสะอาดได้ดีรวมทั้งถ้าบ่อไม่ได้อยู่กลางแจ้ง ซึ่งพอเมื่อบ่ออยู่กลางแจ้งปัญหาที่ตามมาทันทีก็คือน้ำเขียว

สังเกตดูจากรูปนะครับ คุณภาพน้ำที่เห็นนี้ถือว่าดีมาก ถ้าหากว่าระบบกรองทำงานได้ขนาดนี้ในขณะที่บ่ออยู่กลางแจ้งก็ไม่ต้องกังวลแล้วครับว่ากรองเรามีปัญหาหรือไม่ตัดไปได้เลย

ปัจจัยที่เราจะแก้ในลักษณะเคสนี้คือลดแสงลง โดยใช้สแลนกรองแสง 50% เริ่มจาก 1 ชั้นก่อนและสังเกตุดูสัก 1 อาทิตย์ เพื่อลดอุณหภูมิของน้ำ เท่านี้ปัจจัยที่น้ำเขียวก็จะลดลงไปสองอย่างเลยทีเดียว เชื่อว่าน้ำจะใสขึ้นค่อนข้างแน่นอนโดยไม่ต้องใช้หลอดยูวีให้เสียค่าไฟเพิ่มครับ


แน่นอนว่าทุกคนที่เลี้ยงปลาคาร์ฟและบ่อปลาคาร์ฟอยู่กลางแจ้งเจอปัญหาน้ำเขียวกันทั่วหน้าแน่นอน ยากที่จะหลีกเลี่ยง นอกจากว่าจะทำหลังคามิดชิดไม่ให้บ่อโดนแดดเลยแต่ว่าก็คงจะไม่ดีแน่เพราะปลาคาร์ฟนั้นต้องโดนแสงได้รับแสงบ้างถึงจะสีันสวยงาม ไม่อย่างนั้นก็คงจะบอกไม่ได้ว่าบ่อปลานั้นเป็นส่วนหนึ่งของสวนด้วย

อย่างที่ผมบอกครับว่าอาทิตย์แรกลอง 1 ชั้นก่อน ถ้าไม่ได้ผลก็เพิ่มเป็นสองชั้น หรือถ้าหากว่าใครจะทำสองชั้นไปเลยก็ไม่ว่ากันครับหากไม่อยากแก้ไขบ่อยๆ ที่บอกให้ทำชั้นเดียวก่อนก็เพราะว่า ถ้าหากว่าได้ผลเราจะได้ให้แสงกับบ่อปลาได้มากที่สุด โดยไม่ต้องลดแสงจนเกินความจำเป็น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแสงของบ่อของแต่ละคนด้วยเหมือนกันว่าโดนแดดมากน้อยในแต่ละวันแค่ไหน ซึ่งผมก็คงบอกไม่ได้เหมือนกันว่าจะให้คุณกันแดดกี่ชั้น การทดลองจากน้อยไปมากน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วครับ ทดลอง เข้าใจ แล้วเราจะได้จุดที่สมดุลที่สุดสำหรับบ่อเราเองครับ

การเปลี่ยนสปริงเกอร์ในสนามหญ้า

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 · Posted in ,

คนที่บ้านมีสนามหญ้าแล้วมีสปริงเกอร์แบบฝังดินเคยคิดไหมครับว่าตอนเราจะเปลี่ยนหัวสปริงเกอร์นั้นจะทำอย่างไรให้สนามช้ำน้อยที่สุด ถ้าเรานึกดูดีดีแล้วยังไงซะก็ต้องขุดดินรอบๆหัวสปริงเกอร์แน่นอน เอาละครับเราไปดูวิธีการที่ถูกต้องและทำให้สนามหญ้าช้ำน้อยที่สุดของฝรั่งในคลิปนี้กันครับ



คลิปนี้ชื่อคลิปว่า How to replace a Rain Bird 3504 sprinkler head. แน่นอนเป็นโฆษณาหัวสปริงเกอร์ยี่ห้อ Rain Bird 3504 นั่นเอง

 

ผมเชื่อนะครับว่าหลายๆคนทำเองที่บ้านกันอยู่แล้ว สปริงเกอร์แบบฝังดินเท่าที่ผมใช้มาก็สองสามปีแล้วยังไม่เคยมีปัญหาอะไรเพราะว่าใช้กับท่อพีอีไม่มีตะไคร่น้ำไปตันแน่นอน ตอนแรกที่ผมไม่ได้ฝังดินนั้นผมใช้ตัวนึงเป็นตัวเคลื่อนที่ ปรากฏว่าตันบ่อยมากเพราะว่าใช้สายยางตากแดดแล้วมันมีตระไคร่น้ำไปตัน จนกลัวไม่กล้าฝังดินอยู่พักใหญ่เพราะว่ากลัวตัน

แต่สุดท้ายก็ลองฝังดินดูแล้วใช้ท่อพีอีตามสูตรก็ไม่เจอปัญหาตันเลย ผ่านมาก็สามปีแล้วน้ำยังออกแรงดีเหมือนเดิม งานสวนก็อย่างนี้แหละครับ อยู่ที่แนวคิดและความพอใจ ว่าเราต้องการให้สวนเราเป็นแบบไหนด้วยวิธีไหน การดูแลเอาใจใส่ต้นไม้ให้สมบูรณ์บางครั้งก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราให้เวลา ก็ไม่ต้องไปท้อแท้เสียใจนะครับ

ผมเองให้เวลากับสวนกับต้นไม้เยอะมากพอสมควรแต่ว่าต้นไม้ก็ไม่งามเท่าไหร่ก็รู้อยู่เหมือนกันครับว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้ต้นไม้ไม่งาม ของผมก็จะมี ดินไม่ดีต้องปรับปรุงเพราะเป็นดินปลูกบ้านโครงการดินมักเป็นดินเหนียว ต่อมาก็น้ำที่ใช้รดเป็นน้ำประปาตอนนี้ทำบ่อปลาคาร์ฟไว้แล้วเตรียมต่อปั๊มดึงน้ำในบ่อมารด และสุดท้ายคือแมลง เพลี๊ยต่างๆ ที่มากับลม เพราะว่าข้างบ้านผมที่เป็นรั้วโครงการนั้น เป็นทุ่งนา แน่นอนว่าต้องมีแมลง มีศัตรูพืชที่หนีตายมาเยี่ยมเยียนตลอดเวลาอยู่แล้วซึ่งก็ต้องหาทางผ่อนหนักเป็นเบาสำหรับเรื่องนี้ เพราะว่าจะฉีดยาฆ่าแมลงรอบๆบ้านก็คงไม่ดีแน่นอน

ว่าไปยาวว่าไปนั่น สำหรับบทความนี้หวังว่าทุกคนที่ชอบสวนและนั่งมองสปริงเกอร์ที่บ้านอยู่คงจะมีความสุขและลุกไปเดินเล่นไปชมนกชมไม้ในสวนกันอย่างสุขใจทุกๆคนเลยนะครับ

ปลูกไม้ดอกเมืองหนาว

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556 · Posted in ,

สวัสดีครับเรามาพูดกันถึงการปลูกไม้เมืองหนาวกันต่อ จากคราวที่แล้วได้พูดถึงเสน่ย์ของไม้ผลัดใบและแง่คิดในเชิงบวกเกี่ยวกับไม้ผลัดใบสำหรับคนที่ชอบจริงๆเท่านั้นนะครับ เพราะถ้าหากไม่ชอบไม้ผลัดใบหรือว่าไม้เมืองหนาวก็คงจะบังคับให้คิดในแง่บวกหรือว่ามองเสน่ย์ของไม้เมืองหนาวที่ผลัดใบได้ยาก


ถ้าหากว่าเราไม่ได้อยู่ภาคเหนือและอากาศไม่ได้หนาวเย็นที่จะสามารถปลูกต้นไม้เมืองหนาวได้ เราจะทำอย่างไร นี่เป็นคำถามที่มีคนเยอะมากต้องการรู้เรื่องนี้ เพราะว่าอยากจะปลูก ยกตัวอย่างเช่น มีคนเยอะมากที่ถามเอาไว้ในกระทู้ต่างๆว่า ถ้าปลูกเมเปิลเอาไว้หน้าบ้าน จะได้เห็นใบสีเหลือง สีส้ม สีแดงเหมือนต่งประเทศหรือเหมือนภาคเหนือบ้างหรือปล่าว ถ้าผมตอบก็ต้องตอบตามความจริงว่า คงไม่ได้เห็นหรือถ้าได้เห็นก็คงน้อย...

แต่สิ่งที่ผมอยากทดลองก็คือ ถ้าเราริดใบของเมเปิลออกเองหล่ะ...
ใช่มั้้ยครับ ถ้าเรานึกหลักการของมันของต้นไม้ที่ผลัดใบแล้ว พอใบหมดก็จะแตกใบใหม่ ถ้าเราเด็ดใบมันออกอย่างตั้งใจแน่นอนว่าเราก็ต้องได้เห็นใบใหม่ของมันซึ่ง ใบที่มันแตกมาใหม่ก็ต้องเป็นสีอ่อนตามธรรมชาติอยู่แล้ว นี่ไงครับทางออกของคนอยากปลูกเมเปิล ใครจะคิดถึงบ้าง...

แล้วถ้าเป็นไม้ดอกของเมืองหนาวหล่ะเราจะทำอย่างไรถึงจะได้เห็นดอกของมันบ้างโดยที่อากาศบ้านเราไม่ได้หนาว... คำถามนี้คำตอบที่ได้ค่อนข้างจะราคาสูงทีเดียว ไปดูภาพกันเลย


แน่นอนว่าในภาพไม่ได้เป็นเรือนกระจกที่รักษาอุณหภูมิ แต่ว่าเป็นลักษณะของการกรองแสงลดความร้อน หากว่าใครต้องการเล่นไม้ดอกเมืองหนาวจริงๆก็คงต้องลงทุนอย่างมาก เรียกว่าได้ไม่คุ้มเสียแน่นอน แต่ว่าหากมีตังส์เหลือใช้ไม่รู้จะทำอะไรและมีความสุขก็ไม่ว่ากันแน่นอน

เรื่องของไม้หนาวนั้นถ้าหากว่าใครสนใจจริงๆก็อยากให้ไปชมไปเที่ยวดูก่อนและก็ศึกษาหาข้อมูลก่อนเยอะๆครับ เพราะแค่ดอกไม้เมืองร้อนที่เราปลูกได้ยังมีปัญหาเยอะแยะเลยครับ แล้วนี่ไม้ดอกเมืองหนาวย่อมต้องการอะไรมากกว่าเยอะครับ

ลองไปดูกันก่อนครับไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ก็มีที่เที่ยวดูไม้ดอกเมืองหนาวจุใจแล้วครับ

หน้าหนาวกับไม้ผลัดใบ

เมื่อเข้าหน้าหนาวทันทีต้นไม้ต่างๆไม่ว่าจะเล็กใหญ่ต่างก็แสดงอาการออกมาทันที โดยการทิ้งใบแล้วแตกใบใหม่ให้เราได้เห็น ผมว่ามันสวยดีนะ แต่หลายคนบอกลำคาญต้องมากวาดใบมัน


ถ้าเรานึกดูดีดีแล้วความสวยงามความมีเสน่ย์ของต้นไม้ก็อยู่ตรงที่ความเขียวความร่มรื่นโดยเฉพาะการได้เห็นใบใหม่ๆที่ผลิออกมาแทนใบเก่า ผมว่ามันน่าขนลุกมาก ใครที่คิดว่าเป็นสิ่งที่น่ารำคาญผมว่ามันไม่ใช่เลย ถ้าหากว่ารำคาญที่ต้องมีต้นไม้ผลัดใบมาอยู่ในสวนผมว่าไม่ต้องปลูกไม่ต้องมีสวนดีกว่าครับ

เวลาเราไปเที่ยวภาคเหนือตอนหน้าหนาวอากาศเย็นๆเคยสังเกตุกันไหมครับว่า ต้นไม้ต่างๆที่ออกดอกโชว์ความสวยงามตามข้างทางเหล่านั้นมันก็ทิ้งใบกันไปแล้ว เมื่อทิ้งใบเสร็จก็ออกดอก ออกใบใหม่สดใส มาให้เราได้เห็นกัน บางทีไปเที่ยวกันแล้วไม่ได้ดูที่โคนต้นไม้เลย ใบไม้เพียบ

ที่ว่าไฟป่าก็เพราะมีเศษใบไม้เหล่านี้เยอะแล้วด้วยความแห้งแล้งกับมีคนสูบบุหรี่แล้วทิ้งขี้บุหรี่นี่แหละครับเลยทำให้เกิดไฟป่า เชื่อหรือไม่ครับว่าอากาศหนาวนั้นมีความชื้นในอากาศน้อยกว่าอากาศร้อนซะอีก ต้นไม้ที่ปลูกไว้ในสวนตามบ้านเรือนหน้าหนาวลมแรงๆนี่ต้องรดน้ำกันเช้าเย็นเลย ไม่งั้นแห้งใบร่วงหมดต้นอ่ะครับ

บางคนเข้าใจผิดคิดว่า โอ้ย..อากาศเย็นสบายแบบนี้ไม่ต้องรดน้ำมากหรอก นั่นผิดถนัดเลย ยิ่งอากาศเย็นและมีลมนี่แหละ แห้งมากๆ เราซักผ้าแล้วตากไว้ในช่วงหน้าร้อนยังไม่แห้งเร็วเท่าหน้าหนาวเลย เรียกว่าตากไว้สองโมงเช้าตอนเที่ยงๆก็เก็บได้เเล้ว แต่หน้าร้อนบางทีเย็นแล้วยังหมาดๆอยู่เลย นี่ก็เป็นเพราะหน้าหนาวนั้นความชื้นในอากาศมันไม่มี

บางทีคนชอบแต่งสวนก็เข้าใจผิดไปอีกว่าเวลาเลือกต้นไม้ใหญ่ให้เลือกไม้ที่ไม่ผลัดใบจะได้ไม่ต้องกวาดใบไม้ ถ้าหากว่าคิดแบบนี้ก็มีหวังได้เบื่อกับใบไม้ที่เขียวแก่จนไม่รู้จะแก่อย่างไรนั่นแหละครับ ขนะที่ต้นไม้ที่ผลัดใบเช่นต้นแคนาที่มักปลูกตามโครงการเดี๋ยวนี้ก็มีเสน่ย์ตอนทิ้งใบแล้วแตกใบใหม่นี่แลหะครับ สวยมากเป็นสีแดงชมพูเลย ไม่เชื่อหาไปปลูกกันได้ครับแล้วหมั่นเอาตะขอละใบออกเรื่อยๆแค่นี้ก็ได้ไม้ผลัดใบสีแดงไว้ดูเด่นที่สวนที่บ้านได้แล้วครับไม่ต้องไปเล่นเมเปิลให้ยากด้วย

พูดถึงไม้อีกชนิดนึงคือต้น สนุ่น ต้องบอกว่าเป็นไม้เมืองหนาวของชนบทเลยครับเพราะว่าพอหน้าหนาวมันก็จะทิ้งใบหมดต้นแล้วออกดอกออกมาเป็นปุยนุ่นสีขาวแล้วลอยไปตามอากาศเหมือนหิมะเลยว่างั้น พอดอกร่วงหมดก็แตกใบใหม่สวยงามมากๆ สีแดงทั้งต้นแล้วค่อยๆไล่สีขั้นมาเป็นส้ม ส้มอ่อน เหลือง เลือกอ่อน เขียวอ่อน เขียว

นี่แหละครับความเข้าใจเรื่องต้นไม้ผลัดใบกับมุมมองที่ถูกต้อง ไงก็ลองหาไม้ผลัดใบไว้ในบ้านดูบ้างนะครับผม

หญ้ามาเลเซียกับดินเหนียว

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556 · Posted in

หญ้ามาเลนั้นขึ้นชื่อได้ว่าเป็นหญ้าที่ทนน้ำ ชอบความชื้นสูง แดดปานกลาง บางครั้งบางทีหลายคนเอาไปปลูกในร่มเลยก็มี ผมก็ไม่รู้นะครับว่าสุดท้ายแล้วหญ้าที่อยู่ในร่มนั้นเป็นอย่างไร เเต่เชื่อว่าการปลูกในร่มขนาดนั้นยังไงหญ้าก็ไม่โตและก็ตายในที่สุดแน่นอนครับ





ดินเหนียวถือว่ามีข้อดีและข้อเสียค่อนข้างจะสุดขั้วกันเลยทีเดียว  ถ้าหากว่าเรามาลองนั่งพิจารณาดูดีดี เพราะว่าดินเหนียวถ้าเราเลี้ยงน้ำดีดีก็จะเป็นดินที่เหมาะกับพืชที่ต้องการความชื้นสูง แต่ว่าถ้าเราเลี้ยงน้ำให้ดินชนิดนี้ไม่ดีพอความมชื้นภายในดินหมดไปจะทำให้ดินแข็งมาก

พอดีตอนนี้ผมขุดดินเพื่อทำบ่อปลา เลยเอากองไว้หลังบ้าน ดินที่ขุดขึ้นมาเป็นดินเหนียวแท้ๆ ก็กะว่าจะปลูกหญ้ามาเลแบบขยายพันธุ์ คือการปักชำหญ้ามาเล ดังที่ผมได้เคยบอกไปแล้วในเรื่องการปักชำหญ้ามาเล ซึ่งข้อสำคัญที่จะทำให้ลำต้นที่ปักชำนั้นเป็นมากที่สุดก็คือ การเลี้ยงน้ำ

ในระยะ 7 วันแรก การเลี้ยงน้ำสำคัญมากๆ ต้องให้ดินเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา อย่าให้ดินเเข็งเด็ดขาด เพราะดินที่ว่านี้เป็นดินเหนียวถ้าหากว่าปล่อยให้แห้งจนแข็งแล้ว การรดน้ำเพื่อทำให้ดินชื้นในครั้งต่อไปจะทำได้ยาก เพราะน้ำจะไม่ซึมลงในดินแต่จะไหลผ่านไปมากกว่า นอกจากจะใช้การรดน้ำแบบสปริงเกอร์เข้าช่วยก็ทำได้

การติดของกิ่งที่ปักจะอยู่กับ 2 ปัจจัยคือ ความชื้นกับแดด ความชื้นนี้ให้แบบสม่ำเสมอถึงเปียกก็ได้ แต่แสงแดดนั้นน้อยๆจะดีกว่า เพราะถ้าหากให้แดดเต็มๆ มีโอกาสที่ต้นที่ชำจะเสียน้ำและดินแห้งเร็วทำให้กิ่งที่ปักไม่ติดได้ ทางออกเรื่องแสงแดดก็ใช้สแลนสีดำไม่ต้องเอาถึง 80 เปอร์เซ้นก็ได้ เอาสัก 75 เปอร์เซ็นแล้วคุมน้ำความชื้นที่ดินให้เปียกตลอดเวลาเป็นดี

แล้วจะเอารูปตอนที่หญ้าเต็มมาให้ดูกันครับ

siteam2015@hotmail.com. ขับเคลื่อนโดย Blogger.

โลกเราสวยงามได้เพราะว่าต้นไม้เท่านั้น ต้นไม้ให้เราได้ืทุกอย่าง ต้นไม้ไม่เคยทำร้ายเรา และเราเองก็ไม่ควรไปทำลายต้นไม้นะครับ มารักต้นไม้กันเถอะครับ

Popular Posts